fbpx

Patcharavej Clinic

Topical Steroids ยาทาสเตียรอยด์

บทความนี้อธิบายเกี่ยวกับยาทาสเตียรอยด์และข้อบ่งใช้ต่างๆในการรักษาโรคทางผิวหนัง ถ้าหากคุณมีคำถามเพิ่มเติม กรุณาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแพทย์และพยาบาล

ยาสเตียรอยด์ชนิดทาคืออะไร

ยาสเตียรอยด์ชนิดทาเป็นสเตียรอยด์ที่ใช้สำหรับทาลงบนผิวหนัง และมีไว้สำหรับใช้รักษาโรคผิวหนังต่างๆ ยาทาสเตียรอยด์มีความคล้ายคลึงกับสารสเตียรอยด์ที่ถูกผลิตขึ้นในร่างกายโดยธรรมชาติ ซึ่งสารเหล่านี้ออกฤทธิ์โดยการลดการอักเสบในผิวหนัง ช่วยให้ผิวหนังคันและแดงน้อยลง

ระดับความแรงของยาทาสเตียรอยด์แต่ละชนิด

ยาทาสเตียรอยด์ มีหลายชนิดและแต่ละชนิดมีความแรงที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงมีความสำคัญมากที่คุณควรจะทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิดในการทายาสเตียรอยด์ที่มีความแรงแตกต่างกันในแต่ละส่วนของร่างกาย

สำหรับผู้ใหญ่ ยาสเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์แรงเหมาะสำหรับการทาบนตัว ส่วนสเตียรอยด์ที่มีความแรงระดับอ่อนถึงระดับกลางเหมาะสำหรับการใช้บนใบหน้าและตามขอพับต่างๆ

สำหรับเด็กและทารก ยาเสตียรอยด์ที่ความแรงระดับอ่อนถึงปานกลางจะเหมาะสมกว่า ในบางกรณียาสเตียรอยด์ที่มีความแรงก็อาจสามารถนำมาใช้กับโรคผิวหนังบางชนิดบนใบหน้าและตามข้อพับต่างๆได้ เพียงแต่ใช้ในระยะเวลาที่สั้นๆ

ความแตกต่างของยาทาสเตียรอยด์ในรูปแบบต่างๆ

Ointment: ออยเมนท์ เป็นรูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันเข้มข้นที่สุด ซึ่งจะเหมาะสมกับผิวหนังที่มีความแห้งมาก

Cream: เนื้อครีมจะมีความเข้มข้นและความมันน้อยกว่าออยเมนท์ แต่ ก็จะมีความชุ่มชื้นน้อยกว่าเช่นกัน บางครั้งครีมจะเหมาะสำหรับการใช้กับผิวหนังบริเวณใบหน้าและมือ หรือสภาพผิวหนังที่มีความชื้นแฉะ

 Lotion: โลชั่นจะมีเนื้อที่เข้มข้นน้อยกว่าครีมและสามารถใช้ทาผิวหนังเป็นบริเวณกว้าง หรือเหมาะสำหรับผิวหนังบริเวณที่มีขนอยู่

Solutions and scalp applications: โซลูชั่นและผลิตภัณฑ์สำหรับทาหนังศีรษะ มีลักษณะเป็นน้ำหรือมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นลักษณะของผลิตภัณฑ์ชนิดที่เบาบางที่สุดสำหรับผิว การใช้ยาทาสเตียรอยด์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เมื่อนำมาทาบริเวณผิวหนังที่มีการอักเสบอาจทำให้เกิดอาการแสบได้

Tapes: เทปยา เหมาะสำหรับใช้รักษาบริเวณมือและเท้าได้ดี ซึ่งที่ตัวเทปจะมีการเคลือบยาสเตียรอยด์ไว้ ทำให้ออกฤทธิ์ได้นานและต่อเนื่องกว่า

cosmetics, face cream, creams-2527386.jpg
cream, ointment, natural-2375238.jpg
gel, ointment, pharmaceutical-1243604.jpg

วิธีการใช้ยาทาสเตียรอยด์

เมื่อใช้ยาทาสเตียรอยด์อย่างถูกวิธีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาและในขณะเดียวกันสามารถลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน

ล้างมือให้สะอาดก่อนเริ่มทายาทุกครั้ง

บีบยาออกมาจากหลอดเป็นเส้นตรงลงบนปลายนิ้วจนถึงข้อนิ้วแรกเป็นความยาวหนึ่งข้อนิ้ว (เรียกว่า fingertip unit หรือ FTU) ปริมาณยาเท่านี้เพียงพอต่อการทาบนผิวหนังที่มีขนาดพื้นที่ประมาณสองฝ่ามือวางติดกัน

ทายาลงเฉพาะบริเวณที่มีผื่นบนผิวหนังตามที่แพทย์แนะนำ และทาไปในทิศทางเดียวกันกับทิศของแนวเส้นขน ไม่ควรถูขึ้นลงไปมา เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดรูขุมขนอุดตันได้

ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังทายาเสร็จ

ปริมาณยาที่ควรทาบนผิวในแต่ละบริเวณ

การวัดปริมาณยาเป็นหน่วยข้อนิ้วมือจะช่วยกะปริมาณยาที่ควรทาได้ โดยปกติแล้ว หนึ่งข้อนิ้วมือจะเทียบเท่ายาประมาณ 0.5 กรัม (ครีมและออยเมนต์) โดยวิธีการวัดหนึ่งข้อนิ้วมือจะเท่ากับการบีบยาเป็นเส้นตรงจากเส้นข้อนิ้วสุดท้ายจนถึงปลายนิ้ว แต่สำหรับเด็กปริมาณยาหนึ่งข้อนิ้วมือ จะเทียบจากข้อนิ้วมือของผู้ใหญ่ และยาปริมาณเท่านี้สามารถทาผิวในพื้นที่ที่ขนาดแตกต่างกัน ตามอายุของเด็กในแต่ละช่วงวัย

ตารางที่ 2 – ขนาดพื้นที่ผิวและปริมาณยาที่ใช้สำหรับเด็ก

ปริมาณยาเป็น ข้อนิ้วมือ (FTU)

ช่วงอายุ

ทั่วใบหน้าและคอ

แขนและมือ

ขาและเท้า

อกและท้องด้านหน้า

หลังและก้น

3-12 เดือน

1

1

1.5

1

1.5

1-2 ปี

1.5

1.5

2

2

3

3-5 ปี

1.5

2

3

3

3.5

6-10 ปี

2

2.5

4.5

3.5

5

 

ตารางที่ 3 – ขนาดพื้นที่ผิวและปริมาณยาที่ใช้สำหรับผู้ใหญ่

บริเวณ

ปริมาณยาเป็น ข้อนิ้วมือ (FTU)

ศีรษะ

3

ใบหน้าและคอ

2.5

ด้านหน้าและหลังมือ

1

แขนและมือ 1 ข้าง

4

ขาและเท้า 1 ข้าง

8

ลำตัวด้านหน้า

8

ลำตัวด้านหลัง

8

ยาสเตียรอยด์สามารถใช้ร่วมกับมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้หรือไม่

ควรหลีกเลี่ยงการทายาสเตียรอยด์และมอยส์เจอร์ไรเซอร์พร้อมๆกัน เนื่องจากมอยส์เจอร์ไรเซอร์จะไปเจือจางยาสเตียรอยด์ให้เข้มข้นลดลง เมื่อจะต้องใช้ยาเสตียรอยด์และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ในทางปฏิบัติแล้ว ควรทามอยเจอไรเซอร์ ก่อน 30 นาทีเพื่อคอยให้ครีมแห้งดี หลังจากนั้นจึงทายาสเตียรอยด์ตาม ยาจะออกฤทธิ์ได้ดียิ่งขึ้น

ยาสเตียรอยด์สามารถทาติดต่อกันนานเท่าใด

ระยะเวลาที่ใช้ในการรักษาด้วยยาทาสเตียรอยด์จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคผิวหนังที่เป็นอยู่ ความแรงของยาที่ใช้ และตำแหน่งของผิวหนังที่ทา โดยปกติแล้วความเสี่ยงของการเกิดผลแทรกซ้อนจากยาจะเพิ่มขึ้นหลังจากทาติดต่อกัน ประมาณ 1-2 เดือน ถ้าจำเป็นจะต้องทายายาวนานกว่านี้ ควรจะมีช่วงที่พักจากการใช้ยาหรือ มีการปรับเปลี่ยนความถี่ของการใช้ยาเพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง

อย่างไรก็ตามการหยุดยาทันทีทันใดบางครั้งอาจทำให้โรคผิวหนังที่สงบไปแล้วกลับขึ้นมาเป็นใหม่ได้ ดังนั้นระยะเวลาในการรักษาและวิธีการหยุดยาจะมีความแตกต่างกันในแต่ละราย จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ผลข้างเคียงของยาทาสเตียรอยด์

เมื่อใช้อย่างถูกวิธี โอกาสเกิดผลข้างเคียงจากยาทาสเตียรอยด์นั้นน้อยมาก อย่างไรก็ตามผลข้างเคียงที่สามารถพบได้ได้แก่

  • อาการแสบคันของผิวหนังชั่วคราว สามารถพบได้บ่อยโดยเฉพาะผิวหนังที่มีการอักเสบอยู่มาก อาการมักจะดีขึ้นภายในสองสามวัน
  • ผิวหนังบางลง ผลข้างเคียงนี้พบได้น้อยมากหากใช้อย่างถูกวิธี แต่ความเสี่ยงจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อใช้สเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์แรงมากกว่าและใช้เป็นระยะเวลานาน หรือเมื่อใช้บนหน้า บริเวณข้อพับต่างๆซึ่งเป็นบริเวณที่ผิวบาง หรือเมื่อมีการปิดทับของวัสดุปิดแผลหรือผ้าพันแผล อาการผิวหนังที่บางจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อหยุดใช้ยา
  • รอยผิวแตกลาย พบได้ไม่บ่อยแต่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อใช้ยาที่มีฤทธิ์แรงและใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
  • สีผิวมีรอยขาวขึ้นบริเวณที่ทา
  • อาการแพ้ยาสเตียรอยด์หรือส่วนผสมอื่นในตัวยา
  • สิวสเตียรอยด์ อาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่ทาสตียรอยด์ที่มีฤทธิ์แรงบนใบหน้า
  • กดการทำงานของต่อมหมวกไต เนื่องจากยาทาสเตียรอยด์ปริมาณเล็กน้อยสามารถถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านผิวหนังได้ ดังนั้นหากใช้ยาทาในปริมาณที่มากและในระยะเวลาที่นานสามารถทำให้สเตียรอยด์เข้าไปกดการทำงานของต่อมหมวกไตได้ ทำให้เกิดลักษณะที่เรียกว่า Cushing’s syndrome เช่น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นผิดปกติ กล้ามเนื้ออ่อนแรง อย่างไรก็ตามหากใช้ยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ต่ำมาก

สำหรับหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร

เช่นเดียวกันกับยาชนิดอื่นๆ ข้อมูลด้านความปลอดภัยสำหรับยาสเตียรอยด์ชนิดทาในหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรยังมีจำนวนจำกัด อย่างไรก็ตาม ยาชนิดนี้มีการใช้ในหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรเป็นจำนวนมาก โดยยังไม่แสดงให้เห็นถึงผลเสียอันตราย

ก่อนใช้ยานี้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือพยาบาลผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ประโยชน์มากกว่าผลเสีย และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ยาถูกส่งต่อไปยังทารก สมควรใช้ยาทาสเตียรอยด์ชนิดอ่อนบริเวณเต้านมและรอบหัวนมเท่านั้น รวมถึงควรมีการเช็ดหรือล้างทำความสะอาดยาออกจากเต้านมก่อนให้นมบุตรทุกครั้ง

เมื่อไหร่ที่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาทาสเตียรอยด์

ยาทาสเตียรอยด์สามารถทำให้การติดเชื้อที่ผิวหนังแย่ลงได้ ดังนั้นถ้าคุณมีการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อราบนผิวหนัง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาชนิดนี้ เว้นแต่ว่ามีการใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ยาหากมีการติดเชื้อดังกล่าว

เรียบเรียงโดย ทีมแพทย์ผิวหนัง พัชรเวช คลินิก