fbpx

Patcharavej Clinic

Aviclear laser

"ปฏิวัติการรักษาสิว เผยผิวอย่างมั่นใจ"

AviClear laser คืออะไร

AviClear เป็นเครื่องเลเซอร์ที่ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกาเครื่องแรกในการรักษาสิวระยะยาวตั้งแต่ระดับความรุนแรงน้อยจนถึงมาก และเป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาสิว โดยมีความปลอดภัยสำหรับทุกสีผิวและทุกประเภทผิว

ไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรงเช่นในกรณีของยา isotretinoin ที่ใช้ในการรักษาสิวดั้งเดิม

AviClear ใช้ความยาวคลื่น 1726 นาโนเมตร (nm) ในการรักษาสิว โดยเน้นการลดการทำงานของต่อมมันในผิวอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยสามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจนหลังจากการรักษาเพียง 3 ครั้งเท่านั้น

นอกจากนี้ AviClear ยังมาพร้อมกับระบบเทคโนโลยีระบายความร้อน AviCool™ ซึ่งช่วยให้การรักษาเป็นเป็นไปอย่างปลอดภัยและสะดวกสบายมากขึ้นสำหรับผู้รับการรักษา

AviClear เลเซอร์ช่วยจัดการ 4 กลไกหลักของการเกิดสิว

Hyperkeratinization

การอุดตันของรูขุนขน

Excessive sebum

ต่อมไขมันทำงานมากกว่าปกติ
(เป้าหมายหลักของ AviClear)

C. acnes proliferation

เชื้อแบคทีเรีย C. acnes เจริญมากกว่าปกติ

Inflammation

การอักเสบ

หลักการทำงานของ Aviclear

  • การผลิตไขมันที่มากเกินไปจากต่อมไขมันเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดสิว
  • จากการวิจัยพบว่าเซลล์ต่อมไขมันสามารถดูดซับพลังงานของแสงที่ความยาวคลื่น 1726 นาโนเมตร ได้สูงกว่าโมเลกุลของน้ำในผิวเราได้ถึง 2 เท่า
  • AviClear จึงสามารถส่งพลังงานแสงลงไปทำลายต่อมไขมันได้อย่างจำเพาะเจาะจงและมีประสิทธิภาพในการลดการทำงานของต่อมไขมัน

AviCool เทคโนโลยีปลอดภัย สบายผิว

AviClear ถูกออกแบบมาพร้อมกับระบบทำความเย็นผิว “AviCool” ด้วยแซฟไฟร์ และเซ็นเซอร์อัจฉริยะในการวัดอุณหภูมิผิว โดยจะลดอุณภูมิลงไปอยู่ที่ 2-4 องศาเซลเซียส เพื่อประสบการณ์ในการรักษาที่ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่จำเป็นต้องทายาชาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดก่อนทำการรักษา

ประโยชน์ของการรักษาด้วย Aviclear

  • รวดเร็วในการรักษาเพียง 30 นาทีต่อครั้ง
  • ผลลัพธ์คงทน เห็นผลนาน
  • ไม่ต้องตรวจเลือดให้ยุ่งยาก
  • ปลอดภัยกับทุกสภาพผิว และสิวทุกระดับ
  • ปลอดภัย ทำได้ทุกช่วงเวลาของปี
  • ได้รับความพึงพอใจสูง
AviClear
pexels-photo-5849597-5849597.jpg

ข้อห้ามสำหรับการใช้เลเซอร์ AviClear

  • หญิงตั้งครรภ์: สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการใช้เลเซอร์ทุกชนิด (ไม่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์)
  • การติดเชื้อไวรัส Herpes Simplex (HSV) ที่ยังไม่หาย: หากคุณมีอาการเป็นโรคเริมในบริเวณที่จะทำการรักษา ควรเลื่อนการทำเลเซอร์ออกไปก่อน
  • โรคมะเร็งผิวหนัง: ผู้ป่วยโรคมะเร็งผิวหนังหรือเคยเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนตัดสินใจใช้เลเซอร์ AviClear
  • ผิวไหม้แดด: หากคุณมีรอยผิวไหม้แดดบริเวณที่จะทำการรักษา ควรรอให้ผิวฟื้นตัวดีก่อนเข้ารับการรักษาด้วยเลเซอร์ AviClear
  • แผลเป็นชนิดคีลอยด์ (Keloid Scars): ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลเป็นชนิดคีลอยด์ แพทย์ผิวหนังอาจแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้เลเซอร์ AviClear
  • ยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจส่งผลต่อการใช้เลเซอร์ AviClear ดังนั้น ควแจ้งแพทย์ผิวหนังเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณกำลังรับประทานอยู่
  • โรคผิวแพ้แสงบางชนิด: โรคผิวหนังที่มีผิวแพ้แสง ไวหว่าปกติ เช่น porphyria ควรหลีกเลี่ยงการรักษาด้วยแสง

ความรู้สึกขณะทำ

ผู้ป่วยหลายรายอธิบายถึงความรู้สึกระหว่างทำการรักษาด้วย AviClear ว่าเหมือนมีหนังยางดีดเบาๆ บนผิวหนัง  โดยส่วนใหญ่ให้คะแนนความเจ็บอยู่ที่ระดับ 5 จาก 10 โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาชาทาใดๆ

ขั้นตอนการรักษา

  • เตรียมผิวให้พร้อมด้วยการทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก 
  • กำจัดความมันบนผิวออก
  • ทำให้ผิวเปียกด้วยน้ำก่อนปล่อยพลังงานเลเซอร์
  • ยิงแสงเลเซอร์ทั่วใบหน้าหรือบริเวณที่ทำการรักษา
  • ทั่วใบหน้าใช้จำนวนช็อตประมาณ 300 ช็อตในการรักษา
  • ใช้เวลาในการรักษาประมาณ 30-45 นาทีในแต่ละครั้ง
  • **ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชาแบบทา

หลังรับการรักษา

  • อาการแดงและบวมหายไปภายในหนึ่งถึงสองชั่วโมง โดยไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยในระยะยาว
  • ไม่มีผลข้างเคียงหรืออาการตอบสนองต่อการรักษาที่ไม่พึงประสงค์
  • ไม่พบการเปลี่ยนแปลงสีผิวเข้มขึ้นหรือจางลงที่เกี่ยวข้องกับการรักษา

ผลข้างเคียงหลังรับการรักษาที่พบได้

  • อาการแดง 100%
  • อาการบวม 98%
  • สิวเห่อขึ้นชั่วคราว 42%
  • ผิวแห้ง 18%
  • อาการคัน 2%
AviClear Aftercare

คำแนะนำการดูแลผิวหลังทำ AviClear

  • จำนวนครั้งการรักษา: ทำการรักษา 3 ครั้งต่อเนื่อง ห่างกันประมาณทุก 4 สัปดาห์ อาจจำเป็นต้องทำการรักษาเพิ่มเติมในบางกรณี
  • การปกป้องผิว: ทาครีมกันแดดทันทีหลังทำการรักษา และทุกวันตลอดระยะเวลาการรักษา
  • หลีกเลี่ยงการระคายเคืองผิว: งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Retinoid, retinol, benzoyl peroxide, glycolic acid, salicylic acid, วิตามินซี  เป็นต้น ประมาณ 2-3 วัน หลังการรักษา
  • อาการสิวเห่อ: ผู้ป่วยประมาณครึ่งหนึ่งอาจมีสิวอักเสบเห่อขึ้นมาได้หลังจากการรักษาครั้งแรกหรือทุกครั้ง
  • ลดสิวอักเสบ: เพื่อลดการเกิดสิวเห่ออักเสบที่อาจนำไปสู่การเกิดรอยดำหรือแผลเป็น ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาแก้แพ้ที่ไม่ทำให้ง่วง (non-sedative antihistamine) ได้ต่อเนื่อง 3-7 วันหลังการรักษา
  • อาการสิวแย่ลงก่อนจะดีขึ้น: อาการสิวอาจแย่ลงชั่วคราวก่อนที่จะดีขึ้นเป็นลำดับ
  • ระยะเวลาของอาการสิวเห่อ: โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นภายใน 2-3 วันหลังการรักษา และอาจคงอยู่ได้นาน 2-3 สัปดาห์ แต่ในบางรายอาจยาวนานถึงหลายเดือนก่อนที่สิวจะค่อยๆยุบและลดลงไปในระยะยาว
  • การแต่งหน้า: สามารถใช้เครื่องสำอางแบบไม่ก่อให้เกิดสิวสำหรับผิวเป็นสิวเพื่อปกปิดได้
  • ลดการเกิดสิว: การใช้ Benzoyl peroxide และ/หรือ ยาทา retinoid สามารถช่วยลดการเกิดสิวได้
  • การรักษาเพิ่มเติม: แพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาเพิ่มเติมในระหว่างการรักษาด้วย AviClear เพื่อควบคุมอาการสิวอักเสบ เช่น
    • ยาทา
    • ยารับประทาน
    • การกดสิว
    • การลอกกรดผลไม้อ่อนๆ
    • การทำเลเซอร์ลดสิวอักเสบอื่นๆ
  • ไม่แนะนำให้ใช้ยา Isotretinoin (Accutane) ร่วมกับการรักษาด้วย AviClear เนื่องจากยา Isotretinoin จะลดการหลั่งไขมันส่วนเกิน ซึ่งเป็นเป้าหมายของเลเซอร์ AviClear ที่จะไปออกฤทธิ์ ทำให้ลดประสิทธิภาพในการรักษา

ความคาดหวังผู้ป่วยหลังทำ AviClear

จากการวิจัยทางคลินิกของ Cutera พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่รักษาด้วย AviClear มีอาการสิวดีขึ้นภายใน 3 เดือนหลังการรักษาครั้งที่ 3 โดยบางรายเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นภายใน 6 เดือนหลังการรักษาครั้งที่ 3 แม้ว่าผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไป แต่ประสิทธิภาพอาจจะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆจนกว่าจะถึง 6 เดือนหลังการรักษาครั้งที่ 3 ซึ่งหมายความว่าอาจมีการตอบสนองล่าช้าในบางราย อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของการรักษาทางการแพทย์ใด ๆ ไม่สามารถรับประกันได้

ผลลัพธ์และประสิทธิภาพโดยรวม

  • 3 เดือนหลังการรักษาครั้งสุดท้าย ผู้ป่วยร้อยละ 80 มีสิวอักเสบลดจำนวนลงอย่างน้อยมากกว่าครึ่งหนึ่ง
  • 6 เดือนหลังการรักษาครั้งสุดท้าย ผู้ป่วยร้อยละ 87 มีสิวอักเสบลดจำนวนลงอย่างน้อยมากกว่าครึ่งหนึ่ง
  • 12 เดือนหลังการรักษาครั้งสุดท้าย ผู้ป่วยร้อยละ 92 มีสิวอักเสบลดจำนวนลงอย่างน้อยมากกว่าครึ่งหนึ่ง

ประสิทธิภาพในการลดสิวอักเสบเม็ดใหญ่

  • ผู้ป่วยระดับปานกลางถึงรุนแรง: มีการลดจำนวนสิวเฉลี่ยร้อยละ 71 ภายใน 3 เดือนหลังการรักษาครั้งสุดท้าย ค่อยๆดีขึ้นเป็นร้อยละ 98 ที่ 6 เดือน และร้อยละ 88 ที่ 12 เดือน
  • ผู้ป่วยระดับรุนแรง: มีการลดของสิวอักเสบเฉลี่ยร้อยละ 69 ภายใน 3 เดือนหลังการรักษาครั้งสุดท้าย ดีขึ้นขึ้นเป็นร้อยละ 96 ที่ 6 เดือน และร้อยละ 79 ที่ 12 เดือน

ตัวอย่างเคส

Previous slide
Next slide

*ผลการรักษาเฉพาะบุคคล

รางวัลชั้นนำ

คำถามที่พบบ่อย

ทำการรักษา 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที ห่างกันทุก 4-6 สัปดาห์

AviClear มาพร้อมกับระบบระบายความร้อนที่ผิว AviCool™ โดยเฉพาะ ซึ่งควบคุมอุณหภูมิผิวระหว่างการรักษา เพื่อประสบการณ์ที่สบายยิ่งขึ้น ระหว่างการรักษา คุณอาจรู้สึกเหมือนมีหนังยางดีดบนใบหน้า ในการศึกษาทางคลินิก พบว่าผู้ป่วยสามารถทนต่อการรักษาได้ดีโดยไม่จำเป็นต้องบรรเทาอาการปวดหรือหยุดการรักษา โดยส่วนใหญ่คะแนนความเจ็บอยู่ที่ 5 จาก 10 คะแนน

ผู้ป่วยจำนวน 92% ที่รักษาด้วย AviClear พบว่าสิวลดลงอย่างน้อยครึ่งหนึ่งภายใน 12 เดือนหลังการรักษา และผลลัพธ์อาจดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามกาลเวลา แม้ว่าจะผ่านไปหลายเดือนหลังจากการรักษาเสร็จสิ้นแล้วก็ตาม